อ้างอิงจาก ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 11 ธ.ค. 2561 https://www.thairath.co.th/content/1441531
นับเป็นข่าวที่สร้างความยินดีให้กับบุคลากรในแวดวงการศึกษาของคณะสงฆ์ไทยเป็นอย่างยิ่ง ที่ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 26 พ.ย. มีมติเห็นชอบ พ.ร.บ.ฉบับนี้ หลังจากที่ทางคณะสงฆ์ และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ใช้เวลาในการปรับปรุง แก้ไข พ.ร.บ.ฉบับนี้ เป็นเวลากว่า 2 ปีเต็ม
แม้ในขั้นตอนของการออกกฎหมาย ยังถือว่าผ่านมาเพียงครึ่งทางเท่านั้น เพราะยังเหลือขั้นตอนในการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และการฝ่าด่าน ขั้นสุดท้ายคือ การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)
แต่การที่ ครม.มีมติรับรอง พ.ร.บ.การศึกษาพระปริยัติธรรม ก็เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณที่ดีในการก้าวต่อไปของพ.ร.บ.ฉบับนี้
![](https://www.thairath.co.th/media/4DQpjUtzLUwmJZZPFiTFV2QQsZZrpcBI4HN0RlwtYnSE.jpg)
สำหรับ พ.ร.บ.การศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. … ประกอบด้วย 31 มาตรา โดยมีมาตราสำคัญที่น่าสนใจ อาทิ
มาตรา 8 ให้รัฐอุดหนุนงบประมาณสำหรับการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรม ตามความเหมาะสม และความจำเป็น
มาตรา 9 ให้มีคณะกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรม และ มาตรา 12 กำหนดอำนาจและหน้าที่ อาทิ กำหนดนโยบาย และแผนการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรม ให้เป็นไปตามพระธรรมวินัยโบราณราชประเพณี หรือมาตรฐานการศึกษาของชาติ กำหนดมาตรฐานการศึกษา อนุมัติหลักสูตรการศึกษา กำหนดหลักเกณฑ์และการสำเร็จการศึกษา กำหนดตำแหน่ง อัตรากำลัง เงินเดือน เงินประจำตำแหน่งเงินวิทยฐานะ เงินค่าตอบแทน ค่าจ้าง สวัสดิการ และสิทธิประโยชน์อื่น การสรรหา บรรจุ แต่งตั้ง การอุทธรณ์ การลงโทษ รวมไปถึงการออกระเบียบต่างๆเป็นต้น
![](https://www.thairath.co.th/media/4DQpjUtzLUwmJZZPFiTFV2QQsZZrpcBMMWuHfSt5caQZ.jpg)
มาตรา 22 การศึกษาพระปริยัติธรรมที่ได้จัดให้แก่สามเณร ซึ่งเป็นเด็กตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาภาคบังคับ และมีพื้น ความรู้ไม่ต่ำกว่าระดับประถมศึกษาปีที่ 6 หรือเทียบเท่าซึ่ง ได้ศึกษาวิชาสามัญเพิ่มเติมตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนด โดยคำแนะนำของมหาเถรสมาคม เป็นการศึกษาขั้นพื้นฐาน ดังต่อไปนี้ 1.แผนกธรรมสนามหลวง ชั้นนักธรรมเอก เป็นการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 2.แผนกบาลีสนามหลวง ชั้นเปรียญธรรม 3 ประโยค เป็นการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 3.แผนกสามัญศึกษา เป็นการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย
และในประเด็นที่อยู่ในความสนใจคือ การกำหนดวิทยฐานะทางโลกให้กับผู้ที่จบการศึกษาทางธรรม โดยถูกกำหนดอยู่ในมาตรา 23 และ 24 คือ
มาตรา 23 ให้ผู้เรียนที่พ้นการศึกษาภาคบังคับแล้ว ซึ่งได้สำเร็จการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกธรรมฯ และแผนกบาลีฯ มีวิทยฐานะดังต่อไปนี้ 1.แผนกธรรมฯ ชั้นนักธรรมเอก มีวิทยฐานะระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 2.แผนกบาลีฯ ชั้นเปรียญธรรม 3 ประโยค มีวิทยฐานะระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
มาตรา 24 ให้ผู้สำเร็จการศึกษา ตามหลักสูตรพระปริยัติธรรม แผนกธรรมและบาลี สนามหลวง ชั้นเปรียญธรรม 9 ประโยคมี วิทยฐานะระดับปริญญาตรี เรียกว่า “เปรียญธรรม 9 ประโยค”ใช้อักษรย่อว่า “ป.ธ.9” ในกรณีที่ผู้สำเร็จการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนก บาลีฯชั้นใดที่ได้ทำการศึกษาเพิ่มเติมตามหลักเกณฑ์ ที่คณะกรรมการกำหนด ให้ผู้นั้นมีวิทยฐานะระดับใดๆ โดยความเห็นชอบของ มส. และตามหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการการอุดมศึกษา
![](https://www.thairath.co.th/media/4DQpjUtzLUwmJZZPFiTFV2QQsZZrpcBHUh6GOoamZjNE.jpg)
พระราชวรมุนี (พล อาภากโร) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสังเวชวิศยาราม ในฐานะคณะกรรมการประสานงานแผนยุทธศาสตร์ในการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา (คปพ.) กล่าวว่า พ.ร.บ.การศึกษาพระปริยัติธรรม เป็นอีกเรื่องที่อยู่ในแนวทางการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา และเมื่อ ครม.ให้ความ เห็นชอบ พ.ร.บ.ดังกล่าว เชื่อว่าสร้างความยินดีให้กับคณะสงฆ์ทั่วประเทศแน่นอน เพราะถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ด้านการศึกษาของคณะสงฆ์ไทย และจะทำให้การบริการการจัดการศึกษาของคณะสงฆ์ทั้งแผนกธรรมบาลี และแผนกสามัญศึกษา เป็นระบบมั่นคง โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากทางรัฐบาล
ที่สำคัญจะทำให้พระภิกษุสามเณรได้รับการศึกษาที่ครบถ้วนสมบูรณ์
ขณะที่ นายสิทธา มูลหงส์ ผอ.กองพุทธศาสนศึกษา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ บอกว่า ขณะนี้ พ.ร.บ.การศึกษาพระปริยัติธรรม อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว หลังจากนั้นจะเข้าสู่การพิจารณาของ สนช. ซึ่งทางรัฐบาลกำหนดไว้ว่ากฎหมายที่จะเสนอ สนช. จะต้องเข้าสู่การพิจารณาของ สนช. ภายในวันที่ 28 ธ.ค.นี้
“ทีมข่าวศาสนา” มองว่า พ.ร.บ.การศึกษาพระปริยัติธรรม เมื่อมีผลบังคับใช้แล้ว นอกจากจะเป็นการสร้างขวัญ กำลังใจให้กับบุคลากรในด้านการศึกษาคณะสงฆ์ ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความเข้มแข็ง มั่นคงให้กับระบบการศึกษาของคณะสงฆ์ด้วย
![](https://www.thairath.co.th/media/4DQpjUtzLUwmJZZPFiTFV2QQsZZrpcBOmwu7cglC52wy.jpg)
เพราะที่ผ่านมาการจัดการศึกษาของคณะสงฆ์เป็นไปในลักษณะเฉพาะ หากวัดใดมีกำลังศรัทธาจากญาติโยมมาก ก็จะสามารถที่จะจัดการศึกษาให้กับพระ เณร ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แต่หากวัดใดที่เป็นวัดเล็กๆ ที่ต้องการจะจัดการศึกษาให้กับพระ เณร ก็จะไม่สามารถจัดการศึกษาได้อย่างเต็มที่ จนทำให้ต้องถูกยุบสำนักเรียน สำนักศาสนศึกษา ไปในที่สุด