ประตูสู่ธรรม
พลิกชีวิตในเรือนจำด้วยพุทธปัญญา: ถอดรหัสโมเดลการศึกษาจาก มมร.
ความท้าทาย: วิกฤตการกระทำผิดซ้ำ
ประเทศไทยเผชิญปัญหาอัตราการกระทำผิดซ้ำของผู้ต้องขังในระดับสูง ซึ่งสะท้อนถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการหาแนวทางฟื้นฟูที่แก้ไขปัญหาจากรากเหง้าและสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน
อัตราการกระทำผิดซ้ำภายใน 3 ปี
~30%
เป็นโจทย์ใหญ่ของระบบยุติธรรมไทย
โมเดล “ขัดเกลา-ปลูกฝัง-ส่งเสริม”
หัวใจของโครงการคือกรอบการทำงาน 3 เสาหลัก ที่มุ่งเปลี่ยนแปลงผู้ต้องขังจากภายในสู่ภายนอก เพื่อยกระดับจาก “คน” สู่ “มนุษย์” ที่สมบูรณ์
1. ขัดเกลา (Refine)
ชำระล้างจิตใจและอุปนิสัยที่ไม่ดี (โลภ โกรธ หลง) ผ่านการเรียนรู้หลักธรรมและฝึกฝนวินัย เพื่อลดความก้าวร้าวและเพิ่มการควบคุมตนเอง
2. ปลูกฝัง (Instill)
บ่มเพาะมโนธรรมและคุณธรรม ผ่านกิจกรรมทางศาสนา เช่น การสวดมนต์ นั่งสมาธิ เพื่อสร้างความเข้าใจในกฎแห่งกรรมและความรับผิดชอบ
3. ส่งเสริม (Promote)
พัฒนาทักษะอาชีพที่จำเป็น เพื่อสร้างรากฐานชีวิตที่มั่นคงหลังพ้นโทษ ป้องกันการกลับไปกระทำผิดซ้ำจากปัญหาเศรษฐกิจ
ผลลัพธ์ที่จับต้องได้
อัตราการมีส่วนร่วมที่น่าทึ่ง
ผู้ต้องขังที่เข้าร่วมโครงการมีความสนใจและตั้งใจเรียนรู้สูงมาก สะท้อนถึงความสำเร็จในการสร้างแรงจูงใจจากภายใน
การเปลี่ยนแปลงบรรยากาศในเรือนจำ
บรรยากาศสงบขึ้น
ความขัดแย้งและความหวาดระแวงลดลง
การบริหารจัดการง่ายขึ้น
เจ้าหน้าที่เหนื่อยน้อยลงในการปกครองดูแล
เกิดความไว้วางใจ
สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขัง
เส้นทางสู่อนาคต: ข้อเสนอแนะเพื่อความยั่งยืน
1. กำหนดเป็นมาตรฐาน
นำโมเดล “ขัดเกลา-ปลูกฝัง-ส่งเสริม” ไปปรับใช้เป็นมาตรฐานในเรือนจำทั่วประเทศ
2. ประเมินผลเชิงลึก
ทำวิจัยระยะยาวเพื่อวัดผลกระทบต่ออัตราการกระทำผิดซ้ำอย่างเป็นรูปธรรม
3. สร้างระบบสนับสนุน
สร้างเครือข่าย “บ้านกึ่งวิถี” และส่งเสริมการจ้างงานเพื่อการกลับคืนสู่สังคมที่ยั่งยืน
สร้างสรรค์โดยอ้างอิงบทความ “แนวทางการจัดการศึกษาพระพุทธศาสนาแก่ผู้ต้องขังในทัณฑสถานของมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย”
หมายเหตุ. เป็นบทความวิจัยที่นำเสนอใน วารสาร “ศึกษาศาสตร์ มมร” คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ปีที่ 7 ฉบับที่ 1 มกราคม – มิถุนายน 2562