พุทธปรัชญา: แก่นแท้แห่งชีวิตและความจริง
บทความ “พุทธปรัชญา: วิเคราะห์และวิจารณ์” โดย พระมหามฆวินทร์ ปุริสุตตโม ได้พาเราไปสำรวจแก่นแท้ของพุทธปรัชญา ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของพระพุทธศาสนาในชมพูทวีป ไปจนถึงหลักคำสอนที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลในฐานะสัจธรรมและจริยธรรมที่กลายเป็นวิถีชีวิตของผู้คนทั่วโลก บทความนี้เน้นย้ำว่าพุทธปรัชญาไม่ใช่แค่ชุดความเชื่อทางศาสนา แต่เป็นองค์ความรู้ที่มุ่งแสวงหาคำตอบที่ถูกต้องตามหลักวิชาการและสามารถพิสูจน์ได้ด้วยเหตุผล
1. ความหมายของพุทธปรัชญา: การวิเคราะห์สัจธรรมด้วยเหตุผล
พุทธปรัชญาคือการนำหลักคำสอนของพระพุทธศาสนามาวิเคราะห์ด้วยการใช้เหตุผลแบบปรัชญา โดยเน้นไปที่ส่วนที่เป็น
ศาสนธรรม (หลักคำสอน) เป็นสำคัญ ไม่ได้รวมถึงศาสดา ศาสนบุคคล หรือพิธีกรรม เว้นแต่ว่าสิ่งเหล่านั้นจะเชื่อมโยงกับศาสนธรรมที่ต้องวิเคราะห์ด้วยเหตุผลเชิงปรัชญา
นักวิชาการหลายท่านได้ให้ความหมายของพุทธปรัชญาไว้ในมุมมองที่น่าสนใจ:
- ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร. สุนทร ณ รังษี ชี้ว่าพุทธปรัชญาคือหลักคำสอนเกี่ยวกับความจริง (สัจธรรม) และหลักปฏิบัติ (จริยธรรม) ที่นำมาวิเคราะห์ด้วยเหตุผล โดยหลักความจริงในพุทธศาสนาต้องมีเหตุผล พิสูจน์ได้ เป็นที่ยอมรับโดยผู้รู้ และเป็นความจริงสากล
- รองศาสตราจารย์ ชัยวัฒน์ อัตพัฒน์ เน้นความสำคัญที่ความคิดและความเชื่อของมนุษย์ ซึ่งเป็นตัวกำหนดการกระทำ พุทธปรัชญาจึงมุ่งวิเคราะห์ความจริงเรื่อง “อนัตตา” (ความไม่มีตัวตน) เพื่อให้เกิดความเข้าใจและทัศนคติที่ถูกต้อง (สัมมาทิฏฐิ) นำไปสู่ความสุขสงบและอิสระ
- รองศาสตราจารย์ ดร. ประยงค์ แสนบุราณ สรุปหลักพุทธปรัชญาไว้ 5 ประการ คือ เว้นความชั่ว ทำความดี ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ (ศีล สมาธิ ปัญญา), เน้นการปฏิบัติ, เน้นการดับทุกข์, เน้นการทดสอบพิสูจน์ (เอหิปัสสิโก) โดยไม่ให้เชื่อแบบงมงาย, และเน้นหลักสันติสุขตั้งแต่ระดับต้นจนถึงนิพพาน
- อดิศักดิ์ ทองบุญ มองว่าพุทธศาสนาเป็นปรัชญาเพราะสอนให้ใช้ปัญญาและเหตุผล ไม่ใช่แค่ความเชื่อ
- ศรัณย์ วงศ์คำจันทร์ กล่าวว่าปรัชญาพุทธเป็นแบบ “สัจนิยม” หรือ “ธรรมชาติ” เน้นให้คิดพิจารณาไตร่ตรองด้วยปัญญาของตนเองก่อนเชื่อและปฏิบัติตาม
- ผู้ช่วยศาสตราจารย์ บุญมี แท่นแก้ว อธิบายว่าพุทธปรัชญาคือปรัชญาที่พระพุทธเจ้าค้นพบ ซึ่งตระหนักในความจริงที่เป็นกฎธรรมชาติ ท่านยังยกกาลามาสูตรมาเน้นย้ำถึงหลักการไม่เชื่ออะไรง่ายๆ แต่ให้พิจารณาด้วยเหตุผลและปัญญาของตนเอง
- ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ธีรโชติ เกิดแก้ว ให้ความหมายพุทธปรัชญาว่าเป็นวิทยาการชั้นสูงที่สอนให้มนุษย์รู้จักตัวเอง ผู้อื่น และสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง โดยมีเป้าหมายคือการหลุดพ้นจากกิเลส
- สุภัทร สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง เรียกพุทธปรัชญาว่า “ปรมัตถธรรม” คือ ธรรมที่มีอยู่จริงอย่างยิ่ง แบ่งเป็น รูปธรรม (สิ่งที่เปลี่ยนแปลง แปรสภาพได้ ไม่ดี ไม่ชั่ว) และ นามธรรม (ธรรมชาติที่มิใช่รูป เช่น จิต เจตสิก นิพพาน)
โดยสรุป พุทธปรัชญาจึงเป็นการนำหลักคำสอนในพระพุทธศาสนามาอธิบายและแสวงหาความจริงด้วยวิธีการทางปรัชญา โดยเน้นที่ “พุทธธรรม” เป็นหลัก
2. ลักษณะของพุทธปรัชญา: คุณสมบัติแห่งการหลุดพ้นและการพัฒนาตน
ลักษณะของพุทธปรัชญา สะท้อนผ่านคุณบทของพระพุทธเจ้า ซึ่งแสดงถึงแก่นคำสอน 3 ประการหลัก ได้แก่ ศีล (ความสงบเรียบร้อยทางกาย), สมาธิ (จิตใจตั้งมั่น สงบนิ่ง), และ ปัญญา (ความรอบรู้ในสรรพสิ่ง) นอกจากนี้ยังสามารถจำแนกเป็นลักษณะเด่น 9 ประการ ได้แก่:
- ปรัชญาแห่งการทำลายกิเลส: การเป็นผู้ห่างไกลจากกิเลส เสมือนการทำลายข้าศึก
- ปรัชญาแห่งการพึ่งตนเอง: การตรัสรู้ธรรมทั้งปวงโดยชอบด้วยพระองค์เอง และเน้นย้ำว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
- ปรัชญาแห่งการพัฒนาคุณภาพชีวิต: ชีวิตที่สมบูรณ์เกิดจากความรู้จริง (วิชชา) และการปฏิบัติที่ถูกต้องดีงาม (จรณะ 15 ประการ)
- ปรัชญาที่นำไปสู่ความดีงาม: การดำเนินตามอริยมรรคมีองค์ 8 และมุ่งสู่พระนิพพาน
- ปรัชญาแห่งการรู้แจ้งโลกตามความเป็นจริง: การรอบรู้โลกทั้งทางกายภาพและความจริงของชีวิต เช่น อริยสัจสี่
- ปรัชญาแห่งการฝึกตนและผู้อื่น: การเป็นสารถีผู้ฝึกตนได้อย่างยอดเยี่ยม และการฝึกผู้อื่นอย่างเหมาะสมกับวาสนาและอุปนิสัย
- ปรัชญาแห่งความเป็นครูที่สูงส่ง: การเป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ด้วยการสอนที่เปี่ยมด้วยเมตตาและมุ่งประโยชน์สุขของผู้ฟัง
- ปรัชญาแห่งการรู้แจ้ง ตื่น เบิกบาน: การตรัสรู้อริยสัจสี่ ตื่นจากอวิชชา และมีจิตที่บริสุทธิ์ผ่องใส
- ปรัชญาแห่งการใช้ปัญญาจำแนกแยกแยะ: การทำลายกิเลส และการจำแนกแจกแจงธรรม
3. หลักการ วิธีการ และเป้าหมายของพุทธปรัชญา
พุทธปรัชญาเสนอหลักการ วิธีการ และเป้าหมายที่ชัดเจน:
- หลักการ: เน้นที่ ปัญญา เป็นสำคัญ แม้จะมีหลักศรัทธา แต่ก็สอนให้ใช้ โยนิโสมนสิการ (การคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน) ในการตรวจสอบความรู้
- วิธีการ: ใช้หลัก สมถะ (ทำให้จิตสงบ) เป็นพื้นฐาน และ วิปัสสนา (พัฒนาจิตให้เกิดปัญญาหยั่งรู้ตามเป็นจริง)
- เป้าหมาย: มุ่งเน้นการ หลุดพ้นจากทุกข์ทางจิต ที่เกิดจากกิเลส ทำให้จิตมีอิสรภาพ สมบูรณ์ ผ่องใส บริสุทธิ์ รวมถึงการรู้เท่าทันความทุกข์ทางกายและการจัดการอย่างเหมาะสม เป้าหมายสูงสุดคือการบรรลุนิพพาน ซึ่งเป็นการหลุดพ้นจากการเกิด
4. ชีวิตตามนัยแห่งพุทธปรัชญา: การทำความเข้าใจตนเองและสังสารวัฏ
พุทธปรัชญามองว่ามนุษย์มี
กรรม เป็นของตนเอง ซึ่งเป็นสาเหตุของการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ การทำความเข้าใจเรื่องกรรมและการเวียนว่ายตายเกิดเป็นสิ่งสำคัญที่นำไปสู่การดำเนินชีวิตที่ถูกต้องและมีความสุข
ความจริงแห่งชีวิต ตามพระอภิธรรม แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ:
- ปรมัตถธรรม: ความจริงที่ไม่แปรปรวน ได้แก่ จิต เจตสิก รูป นิพพาน ซึ่งมีลักษณะธรรมชาติ 2 ประการ คือ สามัญลักษณะ (ไตรลักษณ์) และ วิเสสลักษณะ
- บัญญัติธรรม: สิ่งที่สมมติขึ้นเพื่อใช้เรียกขานตามความนิยม
บ่อเกิดแห่งชีวิต: พระพุทธเจ้าทรงอธิบายการพัฒนาการของทารกในครรภ์มารดาอย่างละเอียด ซึ่งสร้างความประหลาดใจแก่วงการแพทย์ในปัจจุบัน เนื่องจากทรงทราบโดยไม่มีเครื่องมือใดๆ การกำเนิดของมนุษย์ในครรภ์มารดาต้องมีองค์ประกอบ 3 ประการ คือ มารดามีระดู, มารดาบิดาอยู่ร่วมกัน, และมีสัตว์ (วิญญาณ) มาเกิด การเวียนว่ายตายเกิดมีอยู่จริงในภูมิ 31 ภูมิ และการถือกำเนิดมี 4 แบบ ได้แก่ ชลาพุชะ (เกิดในครรภ์), อัณฑชะ (เกิดในไข่), สังเสทชะ (เกิดในเถ้าไคล), และโอปปาติกะ (เกิดผุดขึ้น)
มุมมองเกี่ยวกับชีวิตในพุทธปรัชญา แบ่งได้หลายนัย:
- เอกนิยม: มนุษย์คือกระบวนการแห่งธรรมที่เกิดจากเหตุปัจจัย ไม่ได้มีตัวตนที่แท้จริง
- ทวินิยม: มนุษย์ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ รูป (กาย) และ นาม (จิต)
- พหุนิยม: มนุษย์มีส่วนประกอบย่อยๆ หลายอย่าง เช่น เบญจขันธ์ (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)
- อายตนะ: มนุษย์คือผลรวมของการประชุมกันของอายตนะภายใน (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) และอายตนะภายนอก (รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์)
- ธาตุ: มนุษย์เกิดจากการรวมกันของธาตุ 6 หรือธาตุ 18
- ปฏิจจสมุปบาท: หลักธรรมที่อธิบายเหตุปัจจัยสายเกิดและสายดับของกาย
- ปรมัตถ์: มนุษย์คือธรรมชาติที่ประกอบด้วยปรมัตถธรรม 3 ประการ คือ จิต เจตสิก และรูป ซึ่งเป็นสังขารธรรม ส่วนนิพพานเป็นวิสังขารธรรม ที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง
- สังสารวัฏ: การเวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิต่างๆ ที่ไม่มีที่สิ้นสุด ตราบใดที่ยังไม่สามารถทำลายกิเลสให้หมดสิ้นไปได้ กิเลส (อวิชชา ตัณหา อุปาทาน) เป็นเหตุให้กระทำกรรม และกรรมก็ส่งผลให้เกิดนามรูปใหม่ไม่รู้จบ
- โลกุตตระ: ชีวิตที่สงบสุข อิสระ เบาบางจากกิเลส และมีวิมุตติรสเป็นอมตธรรม อันประกอบด้วยอริยบุคคล 4 จำพวก ได้แก่ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์
5. การวิเคราะห์และวิจารณ์: ชีวิตในมิติต่างๆ
พุทธปรัชญามอง “ชีวิต” ในสองมิติหลัก:
- ชีวิตในมิติแห่งปัจจุบันชาติ: ให้ความสำคัญกับปัจจุบันกาลเป็นอันดับแรก เพราะอดีตผ่านไปแล้ว อนาคตยังมาไม่ถึง
- ชีวิตในมิติแห่งอนาคตชาติ: มองถึงความสมเหตุสมผลของการทำกรรมดีได้ดี หรือกรรมชั่วได้ไม่ดี ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันชาติหรืออนาคตชาติ การมีแนวคิดเรื่องชาติหน้าจึงไม่ได้งมงาย แต่ทำให้การอธิบายการเวียนว่ายตายเกิดสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังวิเคราะห์ชีวิตในมิติของบุคคล:
- ชีวิตในมิติแห่งปุถุชน: การมีกิเลสหรืออวิชชา ทำให้ต้องเวียนว่ายตายเกิด พุทธปรัชญาจึงเสนอให้มนุษย์พยายามทำลายความชั่วและสิ่งไม่ดีให้หมดไปจากชีวิต
- ชีวิตในมิติแห่งอริยชน: เน้นความหลุดพ้นจากความทุกข์เพราะการเวียนว่ายตายเกิด การเข้าถึงความสุขที่เกิดจากการเข้าถึงนิพพานคืออุดมการณ์สูงสุด
บทความนี้ได้นำเสนอภาพรวมของพุทธปรัชญาที่ลึกซึ้งและครอบคลุม ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ แนวคิด ความหมาย หลักการ วิธีการ เป้าหมาย ไปจนถึงการวิเคราะห์ชีวิตในหลากหลายมิติ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพุทธปรัชญาคือหลักสัจธรรมและจริยธรรมที่เป็นสากล สามารถนำมาคิดวิเคราะห์และประยุกต์ใช้เพื่อความเข้าใจชีวิตได้อย่างน่าทึ่ง
หมายเหตุ. เป็นบทความวิชาการที่นำเสนอใน วารสาร “ศึกษาศาสตร์ มมร” คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ปีที่ 5 ฉบับที่ 1 มกราคม – มิถุนายน 2560