Philosophy of Rabindranath Tagore and David Hume

วิเคราะห์เสรีภาพในปรัชญาของรพินทรนาถ ฐากูรกับเดวิด ฮิวม์ (An Analysis of Freedom Philosophy of Rabindranath Tagore and David Hume)

เสรีภาพสองมุมมอง

เมื่อปรัชญาจิตวิญญาณของฐากูร ปะทะปรัชญาประสบการณ์ของฮิวม์

รพินทรนาถ ฐากูร

เสรีภาพแห่งการเชื่อมโยง

ฐากูรเสนอแนวคิดแบบ **เทวนิยม (Theism)** ที่มองว่าเสรีภาพที่แท้จริง ไม่ใช่การเป็นอิสระจากทุกสิ่ง แต่คือการตระหนักรู้และเชื่อมโยง “อาตมัน” (ตัวตน) ของเราเข้ากับพระผู้เป็นเจ้าและสรรพสิ่งด้วยความรักและการทำงาน [4]

เดวิด ฮิวม์

เสรีภาพแห่งประสบการณ์

ฮิวม์เสนอแนวคิดแบบ **ประจักษนิยม (Empiricism)** ที่ปฏิเสธทุกสิ่งที่พิสูจน์ด้วยประสบการณ์ไม่ได้ เสรีภาพคือการปลดปล่อยปัญญาจากความเชื่อเรื่อง “ตัวตน” ที่เที่ยงแท้และพระเจ้า แล้วใช้ชีวิตโดยอาศัยหลักฐานและความเห็นอกเห็นใจ [4]

แก่นความคิด: “ตัวตน” มีอยู่จริงหรือไม่?

ฐากูร: อาตมัน (Self)

“ตัวตน” หรือ “อาตมัน” มีอยู่จริง เป็นส่วนหนึ่งของพระเจ้าแต่ยังคงความเป็นอิสระของตัวเองไว้ เปรียบเหมือนสายพิณที่ผูกติดกับตัวพิณแต่มีเสียงของตัวเอง [4]

ฮิวม์: กลุ่มก้อนของความรู้สึก

“ตัวตน” ที่เที่ยงแท้ไม่มีอยู่จริง สิ่งที่เราเรียกว่าจิตคือ “กลุ่มก้อนของความรู้สึก” (Bundle of Perceptions) ที่ไหลเวียนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา [4]

ตารางเปรียบเทียบปรัชญาเสรีภาพ

ประเด็น รพินทรนาถ ฐากูร เดวิด ฮิวม์
**ที่มาของเสรีภาพ** การเชื่อมโยงกับพระเจ้าและสรรพสิ่ง การตั้งคำถามต่อสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้
**มุมมองต่อพระเจ้า** มีตัวตนจริง สำแดงองค์ผ่านธรรมชาติและผู้คน [4] อยู่นอกเหนือประสบการณ์ พิสูจน์ไม่ได้ [4]
**เป้าหมายสูงสุด** การมีชีวิตที่เป็นเทพบนโลกนี้ (โมกษะ) [4] อิสรภาพทางปัญญา (วิมัตินิยม) [4]
**มุมมองต่อความทุกข์** เกิดจาก “ความไม่สมบูรณ์” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างโลก [4] เกิดจากอารมณ์ความรู้สึก ไม่ใช่เหตุผล
**เครื่องนำทางชีวิต** ความรัก (ภักติ) และการทำงาน (กรรม) [4] ความเห็นอกเห็นใจ (Sympathy) [4]

แนวทางการนำไปใช้ในชีวิตจริง

วิถีแห่งฐากูร: ค้นพบเสรีภาพในการกระทำ

1.

ทำงานด้วยใจรัก: อุทิศตนทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน (กรรมโยคะ) เพราะนี่คือการทำงานร่วมกับพระเจ้า [4]

2.

ยอมรับความไม่สมบูรณ์: ปล่อยวางจากความคาดหวังที่ว่าทุกสิ่งต้องสมบูรณ์แบบ แล้วจะพบอิสระจากความทุกข์ [4]

3.

สร้างสัมพันธ์ด้วยเมตตา: มองเห็นคุณค่าอันสูงส่งในเพื่อนมนุษย์ทุกคน เพื่อหลุดพ้นจากความเห็นแก่ตัว [4]

วิถีแห่งฮิวม์: ค้นพบเสรีภาพทางปัญญา

1.

ยึดมั่นในหลักฐาน: ตัดสินใจเรื่องสำคัญโดยให้น้ำหนักกับข้อมูลที่จับต้องได้ มากกว่าความเชื่อที่พิสูจน์ไม่ได้

2.

เข้าใจพลังของอารมณ์: ตระหนักว่าการกระทำส่วนใหญ่ขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ จะช่วยให้เราเข้าใจตนเองและผู้อื่นได้ดีขึ้น

3.

นำทางด้วยความเห็นอกเห็นใจ: เมื่อไม่มีกฎจากเบื้องบน “ความเห็นอกเห็นใจ” คือสิ่งที่ทำให้สังคมอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ [4]

สรุปและเรียบเรียงจากบทความ “วิเคราะห์เสรีภาพในปรัชญาของรพินทรนาถ ฐากูรกับเดวิด ฮิวม์”

หมายเหตุ. เป็นบทความวิชาการที่นำเสนอใน วารสารพุทธมัคค์ ปีที่ 1 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม-ธันวาคม 2559) ศูนย์วิจัยธรรมศึกษา สานักเรียนวัดอาวุธวิกสิตาราม